เพลงมีกี่ประเภทกันนะ

ว่ากันด้วยเรื่องของ “เพลง” ถือได้ว่าไม่มีใครไม่เคยได้สัมผัสอย่างแน่นอน เพราะเพลงนั้นเป็นสิ่งที่ควบคู่กับมนุษย์เรามาอย่างช้านาน มีการสอดแทรกศิลปะและวัฒนธรรมผ่านเสียงเพลงมาอย่างเนิ่นนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเพลงยังมีประโยชน์มากมายจนในบางครั้ง เราก็อาจจะคาดไม่ถึงว่าจะได้รับสิ่งดีๆ จากการฟังเพลงอีกด้วยหล่ะครับ บทความนี้จะพาทุกๆ ท่านไปทำความรู้จักกับ “เพลง” และ “ศึกษาประเภทของเพลงต่างๆ ” กันพอสังเขปครับ

ทำความรู้จักกับ “เพลง”

เพลง หมายถึง การจัดกระทำต่อเสียงให้อยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อาจมีเนื้อร้องหรือไม่มีก็ได้ โดยมีผลต่อผู้ที่ได้รับฟังในรูปแบบต่าง ๆ กันไปตามประเภทและรูปแบบของเพลง โดยเพลงสามารถสร้างสรรค์จากเครื่องดนตรีและ/หรือการขับร้องก็ได้ ซึ่งเพลงจะต้องประกอบไปด้วย

1. เสียง

 2. จังหวะ

 3. ทำนอง

4. เสียงประสาน

5. พื้นผิวของดนตรี

6. สีสันของเสียง

ลักษณะรูปแบบหรือลักษณะโครงสร้างของเพลงไทย ซึ่งมีรูปแบบใหญ่ๆ ดังนี้ รูปแบบของเพลง เช่น ท่อนเพลง อัตราจังหวะ เป็นต้น ลีลาของเพลง เช่น เพลงลูกล้อลูกขัด เพลงทางพื้น เป็นต้น

ประเภทของเพลง

–          เพลงบรรเลง (Instrumental) คือ เพลงที่มีเสียงดนตรีบรรเลง

–          เพลงคลาสสิก (Classic) คือ เพลงที่ถูกบรรเลงด้วยเครื่องเล่นเพลงตะวันตก โดยสื่อ ความรู้สึกของผู้ประพันธ์ มาทางบทเพลง ซึ่งผู้ที่เล่นเพลงนั้นอาจจะเล่นเพื่อสื่ออารมณ์ ของผู้ประพันธ์ออกมา

–          เพลงป๊อป (POP) คือ เป็นประเภทของเพลงสมัยนิยมที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรในช่วงกลางทศวรรษที่ 1950 ทั้ง “popular music” และ “pop music” มักจะใช้สลับกัน แม้ว่าในอดีตจะอธิบายถึงเพลงสมัยนิยมรวมทั้งดนตรีหลายแนว คำว่า “pop” กับ “rock” เคยมีความหมายเหมือนกันจนถึงปลายทศวรรษที่ 1960 ทั้งสองถูกจัดแยกให้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

–          เพลงแจ๊ส (Jazz) คือ เป็นลักษณะดนตรีชนิดหนึ่งที่พัฒนามาจากกลุ่มคนผิวดำในสหรัฐอเมริกา (African Americans) ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมีลักษณะพิเศษคือโน้ตบลูส์ การลัดจังหวะ จังหวะสวิง การโต้และตอบทางดนตรี และการเล่นสด โดยแจ๊สถือเป็นลักษณะดนตรีคลาสสิกชนิดหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

–          เพลงแร็พ (Rap) คือ คือการพูดในลักษณะคำกลอนลงจังหวะเพลง โดยส่วนใหญ่จะใช้จังหวะเร็ว เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบของวัฒนธรรมฮิปฮอป ซึ่งแรปเป็นการร้องแบบที่เป็นจังหวะ การร้องคล้ายเสียงพูด และเนื้อหาของเพลงที่มีความหมายและมีความคล้องจองกัน รวมทั้งเน้นที่การกำกับจังหวะ โดยใช้จังหวะกลองอิเล็กทรอนิกส์ และเทคนิคการ Sampling งานเพลงอื่น ๆ

–          เพลงร็อก (Rock) คือ แนวเพลงที่ได้รับความนิยม มีต้นกำเนิดจากดนตรีร็อกแอนด์โรลในสหรัฐอเมริกาในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 และเริ่มพัฒนาสู่แนวเพลงหลายแขนงในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 และช่วงหลังจากนั้น โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ดนตรีร็อกมีต้นกำเนิดจากร็อกแอนด์โรลของยุค 1940 และ 1950 มีอิทธิพลมาจากแนวเพลงบลูส์ ริทึมแอนด์บลูส์ และคันทรี ดนตรีร็อกยังนำมาสู่แนวเพลงอื่น ๆ ได้แก่อิเล็กทริกบลูส์ และโฟล์ก และมีอิทธิพลร่วมมาจากดนตรีแจ๊ส ดนตรีคลาสสิก และแหล่งดนตรีอื่น ๆ

–          เพลงอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic) คือ เป็นเพลงหรือดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ในการผลิตขึ้นมา[1] โดยทั่วไปแล้วความโดดเด่นของดนตรีสามารถเกิดขึ้นโดยใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีเครื่องไฟฟ้า

ประโยชน์ของการฟังเพลง

●คลายเครียด เพิ่มอารมณ์ดี ดนตรีมีผลอย่างลึกซึ้งต่อร่างกายและเพิ่มพลังบวกให้จิตใจ การฟังเพลงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเครียด ความกดดัน และความวิตกกังวล คลื่นสมองและอัตราการเต้นของหัวใจทำงานประสานกับจังหวะของเพลง ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย การหายใจช้าลง ลดการทำงานของสมอง และลดความดันโลหิต ส่งผลให้สภาพจิตดีขึ้น

●มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ ดนตรีเป็นส่วนพัฒนาสมอง ทำให้สมองซีกซ้ายและซีกขวาทำงานอย่างสมดุล ดังนั้นสมองจะผ่อนคลาย ผู้ฟังจะปล่อยความคิดและจินตนาการไปตามเพลง ซึ่งเป็นผลดีกับสมองซีกขวา และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้ายให้ตื่นตัวอีกด้วย การใช้ดนตรีเป็นสื่อการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ทั้งการฟัง การร้อง การเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ และการเล่นดนตรี จะส่งผลให้เด็กมีแรงบันดาลใจที่จะริเริ่มสร้างสรรค์ ความคิดลื่นไหล และเป็นตัวสร้างเสริมจินตนาการได้เป็นอย่างดีครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “เพลงมีกี่ประเภทกันนะ” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกท่านกันในบทความนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกันนะครับ